26 เมษายน 2566

Keyword (คีย์เวิร์ด) คืออะไร? กุญแจสำคัญของการทำ SEO

Keyword (คีย์เวิร์ด) คืออะไร?
  • การค้นหาและเลือกคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่ดีถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO เพราะมีผลต่ออันดับการค้นหาของเว็บไซต์ ซึ่งกำหนด Traffic โดยรวมและยอดขายในระยะยาว จึงควรเลือกใช้คำที่มีคนค้นหา มีปริมาณการค้นหาพอสมควร รวมถึงต้องมีความเกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไซต์ ยิ่งสำหรับธุรกิจแล้ว ถ้าเป็นคำที่ช่วยเพิ่มยอดขายก็จะตอบโจทย์
  • คำคีย์เวิร์ดประเภทที่ธุรกิจควรให้ความสนใจก็คือ Long Tail Keyword ซึ่งจะมีลักษณะยาวกว่าคีย์เวิร์ดอื่น เพราะจะมีการระบุความต้องการหรือรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงเพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าเป็นตัวสินค้าหรือบริการ นั่นหมายความว่ามีโอกาสเกิด Conversion Rate สูง หากลูกค้าเสิร์ชคำนี้มาเจอเว็บเรานั่นเอง

คีย์เวิร์ด (Keyword) นั้นแทบจะเป็นหัวใจสำคัญและขั้นตอนแรก ๆ ของการทำ SEO (Search Engine Optimization) เลยทีเดียว จึงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม ต้องเลือกให้ดี วันนี้ บริษัท อาอุน ไทย  จึงขอพามารู้จักกับคีย์เวิร์ดสำหรับการทำ SEO ให้มากขึ้นว่าคืออะไร สำคัญอย่างไร มีกี่ประเภท และต้องเลือกอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันได้เลย

คีย์เวิร์ด (Keyword)

Keyword คืออะไร? 

คีย์เวิร์ด (Keyword) คือ คำ วลีสั้น ๆ หรือประโยคที่เราใช้เวลาค้นหาสิ่งที่สนใจ สงสัย หรือต้องการบน Search Engine ต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราสงสัยว่าเราจะหาคีย์เวิร์ดเพื่อทำ SEO ได้อย่างไร ก็เพียงพิมพ์เพื่อค้นหาใน Google ด้วยคำว่า “หา seo keyword” นั่นเอง

ความสำคัญของคีย์เวิร์ด (Keyword)

Keyword สำคัญอย่างไร?

1. ช่วยให้ค้นเจอเว็บไซต์ในโลกออนไลน์

คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นพบเว็บไซต์ของเราผ่าน Search Engine อย่าง Google ทั้งในด้าน

  • SEO (Search Engine Optimization) เป็นการปรับปรุงเว็บไซต์และสร้างคอนเทนต์ให้มีคุณภาพตามกฎของ Search Engine เพื่อให้หน้าเว็บไซต์ติดอันดับผลการค้นหา ซึ่งในส่วนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเมื่อคนคลิกเข้าชมเว็บไซต์
  • SEM (Search Engine Marketing) เป็นการลงโฆษณากับ Search Engine เช่น Google Ads โดยการประมูลคีย์เวิร์ด เพื่อให้แสดงเว็บไซต์ของเราในหน้าผลการค้นหา ซึ่งในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเมื่อคนคลิกเข้าชมเว็บไซต์

2. เป็นกุญแจในการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ

คีย์เวิร์ดทำให้รู้ถึงความสนใจและความต้องการของผู้คน รวมทั้งคู่แข่งของเรา โดยสามารถวัดได้เป็น

  • ปริมาณการค้นหา (Search Volume) ยิ่งมียอดสูงมากเท่าไหร่ หมายความว่ามีผู้คนให้ความสนใจในคีย์เวิร์ดนั้นเป็นจำนวนมาก หากทำเว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ได้ ก็มีโอกาสที่จะมีคนค้นเจอเว็บไซต์ของเรามากขึ้น
  • ความยากง่ายในการแข่งขัน (Keyword Difficulty) ยิ่งมีการแข่งขันสูงเท่าไหร่ แสดงว่ามีคู่แข่งมาก และมีความยากในการทำ SEO มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาจจะต้องใช้ต้นทุนและระยะเวลาในการทำ SEO มากขึ้น
  • วัตถุประสงค์ในการค้นหา (Search Intent) คีย์เวิร์ดแต่ละคำให้ผลลัพธ์ในการค้นหาที่ไม่เหมือนกัน การสร้างคอนเทนต์จึงมีความแตกต่างกัน หากคอนเทนต์ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ในการค้นหา ก็ยากที่จะติดอันดับดี ๆ ได้

3. ช่วยในการทำคอนเทนต์ให้ติดอันดับ SEO

คีย์เวิร์ดสามารถนำมาใช้ในการทำคอนเทนต์ให้ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังหาข้อมูลและ Search Engine ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำ SEO ทำให้หน้าเว็บไซต์ของเราติดในหน้าแรกของการค้นหาได้ดีขึ้น ทำให้ Traffic (จำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์) เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้คีย์เวิร์ดยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการตั้งชื่อสินค้า บริการ หรือบทความต่าง ๆ ในเว็บไซต์ของเราหรือฐานข้อมูลอื่น ๆ เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลได้เจอง่ายขึ้นได้อีกด้วย

อันดับของเว็บไซต์ในหน้าผลการค้นหานั้นเรียกได้ว่าเหมือนเป็นทำเลทองของร้านค้าที่อยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตเลยทีเดียว ยิ่งอยู่ลำดับต้นเท่าไหร่ นั่นยิ่งหมายถึงโอกาสที่จะมีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์มากขึ้นเท่านั้น และมีโอกาสที่จะขายสินค้าหรือบริการได้มากขึ้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ สำหรับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล

ประเภทของคีย์เวิร์ด (Keyword)

Keyword มีกี่ประเภท?

1. Short Tail Keyword คำค้นแบบสั้น ๆ กว้าง ๆ

Short Tail Keyword หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Seed Keyword คือคำค้นหาแบบกว้าง ๆ ที่อาจมีเพียง 1-2 คำ ไม่เฉพาะเจาะจง มักจะมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) ที่ค่อนข้างสูง เช่น เมื่อเราสนใจอยากหาข้อมูลเกี่ยวกับทัวร์ญี่ปุ่น แล้วค้นหาใน Google ว่า “ทัวร์ญี่ปุ่น”

คำชนิดนี้ ถึงแม้จะมีคนค้นหาเยอะ แต่ก็ตามมาด้วยคู่แข่งสูงเช่นกัน ทำให้แข่งขันได้ยาก จึงมักจะใช้เป็น Focus Keyword และเหมาะกับการเป็นคำตั้งต้นสำหรับการเลือกคีย์เวิร์ดอื่น ๆ ที่เจาะจงขึ้นมากกว่า 

2. Niche Keyword เจาะจงขึ้นมาอีกนิด 

Niche Keyword หรือ Mid-Tail Keyword คือคำค้นหาที่เพิ่มความเฉพาะเจาะจงหรือสิ่งที่ต้องการ ขยายเพิ่มขึ้นจาก Short Tail Keyword เล็กน้อย รวมถึงปริมาณการค้นหาก็จะน้อยลง อยู่ในระดับกลาง ๆ เช่น “แพ็กเกจทัวร์ญี่ปุ่น” คีย์เวิร์ดชนิดนี้ก็เลยนิยมใช้เป็น Related Keyword รวมถึงนำไปแบ่งเป็นหมวดหมู่ เพื่อวางแผนการจัดทำหน้าเว็บไซต์อีกด้วย

3. Long Tail Keyword ระบุความสนใจเจาะจง ช่วยทำเงิน

Long Tail Keyword คือคำค้นหาที่มีลักษณะค่อนข้างยาวกว่าประเภทอื่น ๆ โดยจะระบุความต้องการหรือความสนใจที่เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น เช่น “แพ็คเกจทัวร์ญี่ปุ่น ฮอกไกโด ราคา”

ธุรกิจจึงควรจะโฟกัสที่คีย์เวิร์ดประเภทนี้เป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าปริมาณการค้นหาจะค่อนข้างต่ำ แต่นี่ก็เรียกได้ว่าเป็นคีย์เวิร์ดทำเงินเลยทีเดียว เพราะลักษณะของคำค้นทำให้ทราบว่าผู้ค้นนั้นเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อ มีการระบุถึงตัวสินค้าบริการอย่างชัดเจน และมีโอกาสเกิด Conversion Rate สูงนั่นเอง

หลังจากรู้จักประเภทของคีย์เวิร์ดแล้ว ถ้าใครหลายคนยังไม่แน่ใจว่าคำที่ใช้งานอยู่นั้นเลือกมาโอเคไหม ดีไหม เราก็มีเทคนิคการเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีมาฝากกัน 

การเลือกคีย์เวิร์ด (Keyword)

Keyword ที่ดี มีวิธีเลือกอย่างไร ?

1. เลือก Keyword ที่เกี่ยวข้อง

การหาคีย์เวิร์ดสำหรับทำ SEO สิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ คำนั้นต้องเกี่ยวข้องกับหน้าเว็บไซต์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นตัวสินค้า บริการ แบรนด์ รุ่น ไซส์ รวมถึงหากเรามีการผลิตคอนเทนต์บทความขึ้นมา ก็ต้องตรงกับความต้องการของผู้ค้น อาจจะตรงกับความสนใจ หรือช่วยแก้ปัญหาบางอย่างได้ เช่น รีวิวรองเท้าแบรนด์ xxx, วิธีแก้รองเท้าเหม็น เป็นต้น ยิ่งเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องมากเท่าไหร่ แล้วมีคนค้นหามาเจอเว็บเรา ก็ยิ่งมีโอกาสที่ลูกค้าจะเพิ่มขึ้นนั่นเอง

2. เลือก Keyword ที่มีคนค้นหาจริง

ในบางครั้งคำค้นหาก็อาจจะมีการสะกดผิด ไม่ตรงตามพจนานุกรม หรือหลักภาษาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคำนั้นจะเป็นคีย์เวิร์ดที่ไม่ดี เพราะจริง ๆ แล้วคีย์เวิร์ดที่ดีสำหรับการทำ SEO คือการมีคนทั่วไปใช้คำนั้นค้นหาจริง ๆ ในความหมายหรือเป้าประสงค์เดียวกัน และมีปริมาณการค้นหา (Search Volume) พอสมควร โดยสามารถเช็คง่าย ๆ ได้ฟรีจาก Google Keyword Planner เพื่อให้กดค้นหาแล้วประมวลผลมาตรงกับเว็บไซต์ของเรา จึงแนะนำให้เน้นหาคำที่กลุ่มเป้าหมายของเราใช้ค้นจริง ๆ เช่น คำว่า “สแตนเลส” แทนที่จะเป็น “สเตนเลส”

3. เลือก Keyword ที่มีประสิทธิภาพในการแข่งขัน

สำหรับการทำ SEO แล้ว คีย์เวิร์ดที่ดีก็ต้องสามารถแข่งขันได้ เพื่อดันให้เว็บไซต์ของเราอยู่ลำดับบน ๆ ของผลการค้นหา อย่างในเครื่องมือ Ahrefs ก็สามารถเช็ค ความยากง่ายในการแข่งขัน (Keyword Difficulty) ก่อนจะเลือกมาใช้งานได้ หากเป็นไปได้ก็แนะนำให้เลือกคำที่มีค่าความยากของคีย์เวิร์ดไม่มากนัก เป็นคำที่คู่แข่งยังไม่ใช้ หรือใช้น้อย เพื่อให้เว็บเราติดอันดับได้ไม่ยากนั่นเอง

4. เลือก Keyword ที่สร้างยอดขายได้

เป้าหมายของธุรกิจที่เห็นถึงความสำคัญของการทำ SEO ก็คงหนีไม่พ้นยอดขายในระยะยาว ดังนั้น การหาคีย์เวิร์ดที่ดีก็ต้องเป็นคำค้นที่ช่วยทำเงิน ดึงดูดความสนใจได้ รวมถึงผู้ค้นน่าจะสนใจหรือมีความต้องการซื้อสินค้าบริการนั้น ๆ แบบเจาะจง เช่น “ทัวร์ฮอกไกโด ราคาถูก” “จองที่พัก เชียงใหม่ ราคาถูก” 

นี่ก็คือเทคนิคการเลือกคีย์เวิร์ดที่ดีที่เราแนะนำให้ลองไปปรับใช้กันดูก่อนจะเริ่มทำ SEO และสุดท้ายเราก็มีเครื่องมือดี ๆ สำหรับช่วยหาคีย์เวิร์ดมาฝาก แบบที่มือใหม่ก็ใช้ได้ไม่ยากเลย

เครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ด (Keyword Tool)

เครื่องมือช่วยหา Keyword ฉบับมือใหม่หัดทำ SEO

1. Google Keyword Planner

เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือยอดนิยมที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการใช้งาน สำหรับ Google Keyword Planner แถมยังเป็นเครื่องมือจาก Google ที่มีฐานข้อมูลน่าเชื่อถือ มีข้อมูลตัวเลขให้ทั้งปริมาณการค้นหา ความยากง่ายของคีย์เวิร์ด และคำอื่น ๆ ที่ใกล้เคียง ช่วยเราในการเลือก

วิธีใช้ก็ง่าย ๆ เวลาต้องการจะค้นหาคำใหม่ ให้เข้าไปที่เมนู “Discover New Keywords” ก็เริ่มหาไอเดียคีย์เวิร์ดพร้อมปริมาณผลการค้นหาโดยเฉลี่ย (Avg. monthly searches) ไปใช้ทำ SEO กันได้เลย 

2. Ubersuggest

คนทำการตลาดออนไลน์และทำ SEO คงน่าจะเคยเห็นเว็บไซต์หรือได้ยินชื่อคุณ Neil Patel ผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง ซึ่งที่จริงภายในเว็บไซต์นั้น เราสามารถเข้าไปใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Ubersuggest เพื่อค้นหาคีย์เวิร์ดได้แบบฟรี ๆ 3 ครั้งต่อวัน หรือหากต้องการใช้งานมากกว่านั้นก็แนะนำให้ซื้อแพ็กเกจเพิ่มเติม 

การใช้ Ubersuggest หาคีย์เวิร์ดได้ไม่ยาก เพียงใส่คำค้นที่สนใจลงไป มีข้อมูลปริมาณการค้นหา (Search Volume), ความยากง่ายของคีย์เวิร์ด (SEO Difficulty) รวมถึงไอเดียคีย์เวิร์ดและไอเดียคอนเทนต์อีกด้วย

3. Ahrefs

Ahrefs นั้นมีเครื่องมือสำหรับทำ SEO ที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่หลายตัว รวมไปถึง Keyword Generator ที่เราเพียงใส่คำค้นที่สนใจลงไปและเลือกประเทศที่ต้องการจะค้นหา ระบบก็จะแสดงข้อมูลขึ้นมาให้ ทั้งไอเดียคำที่ใกล้เคียง ความยากง่ายของคีย์เวิร์ด ปริมาณการค้นหา และวันที่อัปเดตข้อมูลล่าสุด แต่แน่นอนว่าถ้าอยากได้ข้อมูลแบบครบก็ต้องลงทะเบียนโดยเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

สรุป

การหาคีย์เวิร์ดนั้นเรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO เลยก็ว่าได้ การเลือกคำค้นหาให้ดีนั้น จึงมีชัยไปกว่าครึ่ง หากใครกำลังเริ่มฝึกเรียนรู้การทำ SEO เพื่อดันอันดับเว็บไซต์ ก็อย่าลืมนำเทคนิคการค้นหาและเครื่องมือที่เราแนะนำไปใช้กันดู

หากใครที่มีปัญหาเรื่องการเลือก Keyword บริษัท อาอุน ไทย มีบริการรับทำ SEO โดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งครอบคลุมการทำ Keyword Research ไปจนถึงการวางแผนผังเว็บไซต์และเนื้อหาให้เป็นมิตร Google และผู้ใช้งาน ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อปรึกษาเบื้องต้นหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ติดต่อฝ่ายขาย

ปรึกษาทำการตลาดฟรี

ติดต่อฝ่ายขาย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ติดต่อฝ่ายขาย

ปรึกษาการทำการตลาดฟรี พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ!


บริษัท อาอุน ไทย พร้อมให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการทำการตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อสอบถาม

02-652-5090