10 เมษายน 2567

Heading Tag (H1-H6) คืออะไร? พร้อมวิธีการวางหัวข้อตามหลัก SEO

Heading Tag
  • Heading Tag เป็น HTML Tag ที่ใช้กำหนดหัวข้อในหน้าเว็บนั้น ๆ เริ่มตั้งแต่  H1 – H6 ช่วยในการจัดโครงสร้างเนื้อหาให้ทั้งผู้อ่านและ Google เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
  • H1 และ H2 เป็น Heading Tag ที่มีความสำคัญในการทำ SEO เพราะเป็นการบอกหัวข้อหลักและหัวข้อรอง โดยสามารถใส่คีย์เวิร์ดลงไปได้เพื่อดันอันดับบนผลการค้นหาได้

หลายคนอาจโฟกัสที่การเขียนเนื้อหาคุณภาพ หรือโฟกัสที่ความสวยงามของเว็บไซต์ แต่อาจมองข้าม Heading Tag ที่ใช้ในการกำหนดความสำคัญของหัวข้อแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นบทความในบล็อกหรือแม้แต่หน้าต่าง ๆ ในเว็บไซต์ บางคนก็อาจยังไม่แน่ใจว่าควรใช้อย่างไรให้ถูกหลัก SEO ในบทความนี้ AUN Thai จะมาไขข้อสงสัยทั้งหมดแบบละเอียดเลย

Heading Tag คืออะไร?

Heading Tag (H1, H2, H3)

Heading Tag คือ Tag ที่ใช้ใน HTML เพื่อกำหนดหัวข้อหลัก หัวข้อรอง และหัวข้อย่อยในหน้าเว็บนั้น ๆ ประกอบด้วย H1, H2, H3, H4, H5 และ H6 โดยเรียงตามลำดับความสำคัญจากมากไปน้อย และแต่ละ Tag ก็จะมีการใช้งานที่ต่างกัน

<h1>Heading 1</h1>

<h2>Heading 2</h2>

<h3>Heading 3</h3>

<h4>Heading 4</h4>

<h5>Heading 5</h5>

<h6>Heading 6</h6>

Heading 1

Heading 2

Heading 3

Heading 4

Heading 5

Heading 6

  • หากใช้เว็บไซต์ที่เป็น CMS เช่น WordPress ก็เพียงครอบข้อความที่ต้องการทำ Heading Tag แล้วคลิกที่ “Heading” แล้วเลือกประเภทว่าเป็น H อะไร ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

Heading Tag สำคัญอย่างไรกับ SEO?

ความสำคัญของ Heading Tag

Heading Tag เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญมากในการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพราะสามารถระบุคีย์เวิร์ด (Keyword) ที่ต้องการให้ติดอันดับเข้าไปในหัวข้อสำคัญ ๆ และยังช่วยในการจัดระเบียบหัวข้ออย่างเป็นลำดับชั้น ทำให้ Bot ของ Google เข้าใจเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น จึงมีผลต่อการจัดอันดับการค้นหาบน Google เป็นอย่างมาก

เราสามารถใช้ Heading Tag ในกระบวนการสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับการทำ SEO ทั้งการออกแบบหน้าเว็บพร้อมคอนเทนต์ในแต่ละหน้า รวมทั้งยังสามารถใช้กำหนดหัวข้อเนื้อหาที่จะเขียน ทำให้เนื้อหามีการจัดลำดับความสำคัญและแบ่งประเด็นอย่างชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจง่าย ช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานจริง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหลักที่จะทำให้หน้าเว็บติดอันดับบน Google ได้ดีที่สุด

ประเภทของ Heading Tag

Heading Tag มีทั้งหมด 6 ประเภท โดย H1 เป็น Tag ที่สำคัญมากที่สุดซึ่งต้องมีในแต่ละหน้า รองลงมาคือ H2 ซึ่งเป็นหัวข้อย่อย ส่วน H6 นั้นมีความสำคัญน้อยที่สุด เวลาใช้งานต้องเลือกใช้ตามลำดับชั้น แต่ไม่ต้องใช้ทุกประเภทก็ได้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบเนื้อหาในหน้าเว็บ

H1 Tag

H1 Tag ใช้สำหรับหัวข้อหลัก

<h1> คือ Heading Tag ที่มีความสำคัญเป็นลำดับชั้นที่ 1 และต้องมีในทุก ๆ  หน้าของเว็บไซต์ ใช้สำหรับกำหนดหัวข้อหลักของหน้าเว็บหรือชื่อบทความ เพื่อบอกผู้อ่านรวมทั้ง Bot ของ Google ว่าหน้าเว็บไซต์นี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร

คำแนะนำในการใช้งาน

  • ให้วาง <h1> ไว้ในตำแหน่งบน ๆ ของหน้าเว็บ และจะต้องมาก่อน Heading Tag อื่น ๆ
  • ให้ใช้ <h1> เพียง 1 Tag เท่านั้นใน 1 หน้า และใช้ขนาดตัวอักษรใหญ่กว่า Heading Tag อื่น ๆ
  • ให้เขียนข้อความใน <h1> ของแต่ละหน้าไม่ซ้ำกัน และใส่คีย์เวิร์ดหลักของหน้าเว็บ เนื่องจาก Google ใช้ข้อมูลจาก <h1> ในการทำความเข้าใจเนื้อหาและยังใช้ในการจัดอันดับหน้าเว็บบนผลการค้นหาอีกด้วย
H2 Tag

H2 Tag ใช้สำหรับหัวข้อรอง

<h2> คือ Heading Tag ที่มีความสำคัญเป็นลำดับชั้นที่ 2 ใช้สำหรับกำหนดหัวข้อรองที่ช่วยซัพพอร์ตหัวข้อหลักหรือ <h1> ซึ่งแต่ละหัวข้อนั้นจะมีระดับความสำคัญเท่า ๆ กัน คล้ายกับหนังสือที่มีการแบ่งหัวข้อและทำเป็นสารบัญ เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพรวมของเนื้อหาและค้นหาหัวข้อได้ง่ายนั่นเอง

คำแนะนำในการใช้งาน

  • ให้ใช้ <h2> ในการแบ่งหัวข้อหลักเนื้อหาในหน้าเว็บหรือบทความ เพื่อให้ผู้อ่านและ Bot ของ Google เข้าใจโครงสร้างของเนื้อหาได้ง่าย
  • สามารถใช้ <h2> ได้หลาย Tag ในแต่ละหน้าเว็บ แต่ต้องอยู่ภายใต้ <h1> ที่เป็นหัวข้อหลัก และมีขนาดตัวอักษรที่เล็กกว่า
  • ให้ใส่คีย์เวิร์ดหลักในแต่ละ <h2> ตามความเหมาะสม เพื่อให้อ่านแล้วเป็นธรรมชาติ และไม่ดูเป็นการทำ Spam  ในสายตาของ Google
  • ให้กำหนดหัวข้อหลักหรือ <h2> ไว้ตั้งแต่ขั้นตอนการร่างเนื้อหา จะช่วยให้กำหนดโครงสร้างและประเด็นของเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • หากบทความในหน้าเว็บมีหลายหัวข้อหลัก ให้ดึงหัวข้อจาก <h2> มาทำเป็นสารบัญเนื้อหา (Table of Contents) และทำเป็นลิงก์ให้ผู้ใช้คลิกไปอ่านในแต่ละข้อได้สะดวก (※เว็บไซต์ WordPress สามารถติดตั้ง Plugin ได้เลย)
H3 Tag

H3 Tag ใช้สำหรับหัวข้อย่อย

<h3> คือ Heading Tag ที่มีความสำคัญเป็นลำดับชั้นที่ 3 ใช้สำหรับกำหนดหัวข้อย่อยของหัวข้อหลักหรือ <h2> 

คำแนะนำในการใช้งาน

  • ให้ใช้ <h3> ในการแบ่งหัวข้อย่อยภายใต้ <h2> นั้น ๆ ว่ามีหัวข้อย่อยอะไรบ้าง ซึ่งอาจมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับเนื้อหา
  • สามารถใช้ <h3> ได้หลาย Tag แต่ต้องอยู่ภายใต้ <h2> ที่เป็นหัวข้อรอง และมีขนาดตัวอักษรที่เล็กกว่า
  • ให้ใส่คีย์เวิร์ดหลักในแต่ละ <h3> ตามความเหมาะสม เพื่อให้อ่านแล้วเป็นธรรมชาติ และไม่ดูเป็นการทำ Spam  ในสายตาของ Google
  • ถ้าหัวข้อรองมีเนื้อหาที่ค่อนข้างยาว หากใส่หัวข้อย่อยจะช่วยให้เนื้อหาดูน่าอ่านขึ้นและจับประเด็นได้ง่ายยิ่งขึ้น
  • สามารถดึงหัวข้อจาก <h3>  มาทำเป็นสารบัญเนื้อหา (Table of Contents) และทำเป็นลิงก์ให้คลิก ได้เช่นกัน (※Plugin ของเว็บไซต์ WordPress สามารถตั้งค่าให้แสดงหรือไม่แสดงหัวข้อย่อยได้)
H Tag อื่น ๆ

H4 H5 และ H6 Tag ใช้สำหรับหัวข้อที่ย่อยลงไปอีก

<h4> <h5> และ <h6> คือ Heading Tag ที่มีความสำคัญเป็นลำดับชั้นที่ 4, 5 และ 6 ตามลำดับ โดย <h4> ใช้สำหรับกำหนดหัวข้อย่อยของ <h3> ส่วน <h5> ใช้สำหรับกำหนดหัวข้อย่อยของ <h4>และ <h6> ที่มีความสำคัญน้อยที่สุด ใช้สำหรับกำหนดหัวข้อย่อยของ <h5> อีกที

คำแนะนำในการใช้งาน

  • ให้ใช้ <h4> <h5> และ <h6> แบ่งหัวข้อตามลำดับชั้น ซึ่งอาจมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับเนื้อหา 
  • ให้ใช้ขนาดตัวอักษร <h4> <h5> และ <h6> ที่เล็กลดหลั่นกันไปตามลำดับ
  • ไม่จำเป็นต้องกำหนดให้หน้าเว็บมี Heading Tag ตั้งแต่ <h1> ถึง <h6> แต่อย่างน้อยควรมี <h1> และ <h2>
  • ไม่แนะนำให้ใช้ Heading Tag สลับกันหรือข้ามลำดับ หากต้องการใช้ขนาดตัวอักษรที่ใหญ่หรือเล็กกว่า แนะนำให้ใช้การปรับขนาดด้วย CSS แทน

สรุป

การใช้ Heading Tag มีประโยชน์ต่อทั้งผู้ใช้งานเว็บไซต์และ Google จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนควรเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ออกแบบและผู้พัฒนาเว็บไซต์ที่จะสร้างเว็บไซต์ให้มีโครงสร้างที่ถูกต้อง ตลอดจนผู้ที่มีหน้าที่ลงคอนเทนต์ในเว็บไซต์ที่จะกำหนด Tag ให้เหมาะสม ไปจนถึงนักเขียนที่สามารถกำหนดหัวข้อและใส่คีย์เวิร์ดในหัวข้อต่าง ๆ ให้รองรับการทำ SEO

หากใครต้องการคนตรวจสอบหรือวิเคราะห์โครงสร้างเว็บไซต์และคอนเทนต์ให้เป็นไปตามหลัก SEO บริษัท อาอุน ไทย มีบริการรับทำ SEO ที่ให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ก็ยังมีบริการ Blog Content Creation ที่รับเขียนคอนเทนต์โดยทีมนักเขียนที่มีความรู้ด้าน SEO ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อเพื่อปรึกษาเบื้องต้นหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ติดต่อฝ่ายขาย

ปรึกษาทำการตลาดฟรี

ติดต่อฝ่ายขาย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ติดต่อฝ่ายขาย

ปรึกษาการทำการตลาดฟรี พร้อมรับข้อเสนอพิเศษ!


บริษัท อาอุน ไทย พร้อมให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการทำการตลาดออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ

ติดต่อสอบถาม

02-652-5090