วิธีการต่างๆ ที่ทำให้เว็บไซต์ถูกมองว่าเป็นสแปม
ระยะหลังๆ มานี้ กูเกิลได้ให้ความสำคัญมากเกี่ยวกับสแปม
เราสามารถตรวจสอบดูได้ว่าเว็บไซต์ของเรามีการกระทำที่เข้าข่ายว่าเป็นสแปมหรือไม่
โดยยึดจาก Webmaster Guidelines ของกูเกิล
●Doorway pages
→หน้าเว็บที่ไซต์มีคุณภาพต่ำซึ่งมีแต่คีย์เวิร์ดหรือวลี สร้างขึ้นเพื่อหลอกเสิร์ชเอ็นจิ้น
แล้วส่งยูสเซอร์ไปยังเว็บไซต์หรือหน้าเว็บอื่น ยกตัวอย่าง เช่น
การสร้างหน้าเว็บจำนวนมากซึ่งมีเนื้อหาคล้ายกันเกือบทั้งหมด โดยการสร้างประโยคหรือข้อความด้วยการสับเปลี่ยนชื่อสถานที่
การสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพต่ำซึ่งไม่มีคุณค่ากับยูสเซอร์เพื่อเรียกให้เข้ามายังหน้าใดหน้าหนึ่ง
ถ้าหากจำเป็นต้องมีหน้าที่มีเนื้อหาเหมือนกันเกือบทั้งหมดสำหรับแต่ละบริการหรือสถานที่
เราสามารถเพิ่มคุณค่าให้กับหน้าเว็บได้โดยการเพิ่มคอนเทนท์ที่เป็นออริจินอลของแต่ละหน้าเข้าไปด้วย
●การใส่คีย์เวิร์ดจำนวนมากที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาลงไปในหน้าเว็บ (Loading Pages with Irrelevant Keywords)
→การใส่คีย์เวิร์ดจำนวนมากที่ไม่เป็นธรรมชาติเพื่อหวังผลในการทำ SEO
ถึงแม้จะเป็นข้อความที่อ่านรู้เรื่อง แต่การใช้คีย์เวิร์ดซ้ำไปซ้ำมาจนรู้สึกได้ว่าไม่เป็นธรรมชาติ
อาจจะทำให้เกิดผลลบกับการจัดอันดับของเว็บไซต์ได้
ดังนั้น เราจึงควรพยายามใช้ข้อความที่เป็นธรรมชาติที่ยูสเซอร์อ่านได้ง่าย
●คอนเทนท์ที่ถูกสร้างโดยอัตโนมัติ (Automatically Generated Content)
→คอนเทนท์ที่ไม่เป็นธรรมชาติและไม่มีความหมายซึ่งถูกสร้างขึ้นอัตโนมัติโดยโปรแกรม
มักเป็นการเอาข้อความที่ไม่สื่อความหมายมาต่อกันเท่านั้น
เพราะแค่หวังผลในการทำ SEO ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อให้ยูสเซอร์อ่านเข้าใจ
●การใช้ Rich Snippets Markup ในทางที่ผิด (Abusing Rich Snippets Markup)
→การเรียกยูสเซอร์ให้เข้ามาโดยการแสดงรีวิวที่เป็นเท็จหรือใช้ Markup ไม่ถูกต้อง
การลงข้อมูลเพื่อเพิ่มคะแนน Rating ด้วยข้อมูลที่เป็นเท็จ
ถ้าเว็บไซต์ของเรามีการกระทำที่เข้าข่ายตามที่กูเกิลระบุไว้ เราควรหาทางแก้ไขให้เร็วที่สุด
วิธีการต่างๆ เหล่านี้อาจเป็นแนวทางการทำ SEO ในสมัยก่อน แต่ตอนนี้ กลับกลายเป็นวิธีการที่ควรหลีกเลี่ยงไปเสียแล้ว
วิธีการประเมินเว็บไซต์ของกูเกิลมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เป็นไปได้ว่า การทำ SEO ในสมัยก่อน อาจส่งผลที่ไม่ดีกับ การทำ SEO ในปัจจุบันก็เป็นได้